วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ประเภทของไม้ประดับ

.ประเภทไม้ประดับภายในอาคารหรือในร่มรำไร

เป็นกลุ่มพืชที่ต้องการแสงน้อย-ปานกลาง ส่วนมากจะปลูกอยู่ในอาคารสำนักงานที่มีแสงน้อย แดดส่องถึงบ้าง อุณหภูมิไม่สูงนัก พืชกลุ่มนี้ได้แก่ แก้วหน้าม้า พืชตระกูลฟิโลเดนดรอนและมอนสเตอรา เดหลี เป็นต้น



2.ประเภทไม้ประดับภายนอกอาคารหรือกลางแจ้ง
เป็นกลุ่มพืชที่ต้องการแสงมากตลอดทั้งวัน ส่วนมากปลูกประดับอยู่ภายนอกอาคารหรือตามสนามต่างๆ พืชกลุ่มนี้ได้แก่ โกสน พืชตระกูลปาล์ม เป็นต้น

แบ่งตามชนิดของพันธุ์ไม้ได้เป็น 4 ประเภท คือ
1.ไม้ยืนต้น ไม้ประเภทนี้มีลำต้นเป็นไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่ มีลำต้นหลัก ลำต้นตรง ต้นเดียวแล้วจึง แตกกิ่งก้านบริเวณยอด มีอายุหลายปี ได้แก่ ปาล์มต่างๆ จันทร์ผา เป็นต้น

2.ไม้พุ่ม ลำต้นเป็นไม้เนื้ออ่อนไม่มีเนื้อไม้หรือมีเนื้อไม้เล็กน้อยบริเวณโคนต้น ได้แก่ หนวดปลาหมึกแคระ โมก เล็บครุฑ เป็นต้น


.ไม้ล้มลุก มีลำต้นเป็นไม้เนื้ออ่อนไม่มีเนื้อไม้ หรือมีเนื้อไม้เล็กน้อยบริเวณโคนต้น ได้แก่ กล้วยประดับ  สับปะรดสี เป็นต้น

4.ไม้เลื้อย เป็นพืชที่ลำต้นมีเนื้อไม้หรือไม่มีเนื้อไม้ อายุปีเดียวหรือหลายปี ลำต้นเลื้อยไปตามดินหรือพัน สิ่งที่อยู่ใกล้เคียง โดยอาจมีอวัยวะพิเศษช่วยในการเกี่ยวยึด ได้แก่ ม่านบาหลี  โมกเครือ กระเทียม เถา เป็นต้น




ไม้ประดับตกแต่งบ้าน ไม้ดอก มีกลิ่นหอม ให้ร่มเงา ทำแนวรั้ว

1. แคแสด

ไม้ประดับพุ่มสวยอีกหนึ่งชนิด สูงประมาณ 15-20 เมตร แถมดอกสีส้มสวยจึงเป็นไม้ยืนต้นที่ดอกสวยอีกชนิดหนึ่ง ชอบอยู่กลางแจ้ง แดดจัดสามารถปลูกประดับบ้าน บังแดดรอบบ้าน และยังให้สีสันสวยงามอีกด้วย  และที่สำคัญเป็นต้นไม้ไม่ผลัดใบ




2. คอร์เดีย  (หมันแดง)


ไม้ประดับพุ่ม  ชนิดหนึ่ง  สูงประมาณ 5-10  เมตร ดอกมีหลายสี ทั้งสีส้ม และสีเหลืองสวยออกดอกตลอดปี ชอบอยู่กลางแจ้ง แดดจัดสามารถปลูกประดับบ้าน บังแดดหน้าบ้านก็สวยไปอีกแบบ และยังให้สีสันสวยงามอีกด้วย แต่ใบ้ร่วงเยอะหน่อยในบางช่วงต้องคอยกวาด


 3. ต้นทองหลาง

ถือเป็นไม้มงคลประจำบ้านโบราณเชื่อว่าถ้าปลูกไว้จะทำให้ร่ำรวย เงินทอง และยังให้ร่มเงา ดอกสวยและช่วยให้ดินชุ่มชื้น  ดอกมีสีแดง หรือสีชมพู ทนดินเค็ม ทนแล้ง และน้ำท่วม สูงประมาณ 10 - 20 เมตร ต้องการแสงแดง




4. หางนกยูง

ไม้ประดับเป็นพุ่มสีสันสดใสมีหลาย อาทิ แดง  เหลือง  ชมพู  ส้มออกดอกดกสวยงาม แพ่กิ่งก้านเป็นวงกว้าง สูงราว 12 - 18 เมตร จะออกดอกและทิ้งใบช่วงหน้าร้อน ชอบแดดจัดปลูกง่ายทนแล้ง ไม่ตายง่าย


 5. ชงโค

ชงโคไม้พุ่มให้ร่มเงา ใบคล้ายผีเสื้อ หรือรูปหัวใจเป็นไม้ที่ชอบแดด ควรปลูกในที่ได้รับแสงแดดทั้งวัน ไม้พุ่มหรือไม้ต้นผลัดใบขนาดกลาง สูงประมาณ 15 เมตร ดอกสวยงามคงทนมีหลายสี สีชมพู สีบานเย็น หรือม่วงแดง และสีขาว มีกลิ่นหอม ออกดอกตลอดทั้งปี เป็นไม้มงคลเมื่อปลุกจะทำให้ผู้อาศัย พบกับความดีงามและอดทน


ไม้ประดับมงคล

 1. กระบองเพชรจิ๋ว


กระบองเพชรจิ๋ว นอกจากจะดูน่ารัก น่ามอง แล้วยังมีประโยชน์ในการดูดคลื่นรังสีจากจอคอมพิวเตอร์ เป็นไม้ประดับที่คงทน ปลูกง่าย แต่มีความเชื่อว่าไม่เหมาะแก่คนโสด เพราะจะทำให้ผิดหวังในความรัก
2. แก้วกาญจนา
เป็นไม้ประดับที่มีความสวยงาม  ทนกับความชื้นต่ำได้ดี อยู่ได้เป็นเดือนโดยไม่ต้องรดน้ำหรือได้รับแสงแดด เป็นไม้ที่อยู่ในร่มได้นาน จึงเหมาะกับคนที่งานยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลาดูแล

3. บอนสี

บอนสี เป็นไม้มงคล ช่วยคุ้มครองชีวิตจากภัยอันตรายต่างๆ ให้ชีวิตมีแต่ความสุข เป็นไม้ประดับที่แข็งแรง อยู่ในร่มได้ แต่ควรนำออกแดดบ้าง เวลารดน้ำควรรดให้อยู่ระกับโคนก็พอ ไม่งั้นใบไม้จะเน่าไ





ความหมายของไม้ดอกไม้ประดับ

ดอก หมายถึง พันธุ์ไม้ทุกชนิดที่ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากความสวยงามของดอก มีดอกสวยงาม ดอกดก บานทน นิยมปลูกไว้ให้บานสวยงามอยู่กับต้นหรือตัดออกไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่าย ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มได้ 2 กลุ่ม คือ ไม้ดอกประดับ และไม้ตัดดอก

          ไม้ดอกประดับ คือ พันธุ์ไม้ดอกทุกชนิดที่ปลูกไว้เพื่อประดับบ้านเรือนอาคารสถานที่โดยให้ดอกบานติดอยู่กับต้น เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้สถานที่นั้นน่าอยู่อาศัยหรือน่าทำงาน ได้แก่ เข็มญี่ปุ่น พิทูเนีย แพงพวย พุทธรักษา บานชื่น ปทุมมา บัวสาย ฯลฯ ซึ่งหลายชนิดสามารถนำไปปลูกเป็นไม้ตัดดอกได้

          ดังนั้น ไม้ดอกไม้ประดับ จึงหมายถึงพันธุ์ไม้ที่ปลูกขึ้นเพื่อทำให้เกิดความสวยงามทั้งภายในบริเวณบ้าน เช่น ในบริเวณสนามรอบ ๆ ตัวบ้าน แขวนไว้ตามชายคาบ้าน และตั้งประดับไว้ตามส่วนต่าง ๆ ภายนอกตัวบ้านหรืออาคาร เป็นต้น
          ดังนั้น ไม้ดอกไม้ประดับ จึงหมายถึงพันธุ์ไม้ที่ปลูกขึ้นเพื่อทำให้เกิดความสวยงามทั้งภายในบริเวณบ้าน เช่น ในบริเวณสนามรอบ ๆ ตัวบ้าน แขวนไว้ตามชายคาบ้าน และตั้งประดับไว้ตามส่วนต่าง ๆ ภายนอกตัวบ้านหรืออาคาร เป็นต้น
มีหลักพิจารณาและจำแนกต่างกัน แล้วแต่ความมุ่งหมายและความประสงค์ ซึ่งอาจแบ่งจำพวกพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับเป็น 3 พวกใหญ่ ๆ คือ

1. การแบ่งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับตามความมุ่งหมายที่ใช้ หมายถึง การแบ่งพันธุ์ไม้ตามความต้องการและมุ่งหมายที่จะนำมาใช้เพื่อประโยชน์ ดังนี้

          1) ไม้ตัดดอก (Cut flower plant)

          หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูก ณ สถานที่ที่มีภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม เช่น สายลม แสงแดด อุณหภูมิ ดิน น้ำ ความชื้นสัมพัทธ์ การคมนาคม และระยะทางที่เหมาะสม เพื่อตัดเฉพาะส่วนดอกหรือช่อดอก ไปใช้ประโยชน์ หรือจำหน่าย เช่น แกลดิโอลัส เบญจมาศ เยอร์บีรา หน้าวัว กุหลาบ ดาวเรือง คาร์เนชัน และบัวหลวง ไม้ดอกดังกล่าวนี้ จะถูกตัดออกจากต้นไปใช้ประโยชน์พร้อมทั้งก้านดอกด้วย ทั้งนี้เพราะก้านดอกเป็นแหล่งสะสมอาหาร เมื่อดอกถูกตัดจากต้นเพื่อนำไปปักแจกัน หรือจัดกระเช้า อาหารที่เก็บสะสมไว้ที่ก้านดอกจะถูกนำมาใช้ ช่วยให้ดอกไม้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ดังนั้นคุณลักษณะสำคัญของไม้ตัดดอก นอกจากดอกจะต้องสวยสดแล้ว ก้านดอกก็ต้องใหญ่ ยาว และแข็งแรง แต่ไม่เกะกะเก้งก้าง บรรจุหีบห่อได้ง่าย ขนส่งสะดวก มีน้ำหนักไม่มากนัก และเก็บรักษาได้นาน

          ยังมีไม้ดอกอีกหลายชนิดที่มีก้านดอกสั้น กลวงและเปราะหักง่ายแต่ดอกสวยหรือมีกลิ่นหอม อายุการใช้งานทนนาน สามารถใช้ประโยชน์ได้ดีในวิถีชีวิตของคนไทย โดยการนำเฉพาะส่วนดอกไปร้อยมาลัย ทำอุบะ จัดพานพุ่ม หรือนำไปจัดแจกัน โดยใช้ก้านเทียมแทน เช่น รัก มะลิ พุด จำปี จำปา แวนดาโจคิม บานไม่รู้โรย

          2) ไม้ดอกกระถาง (Flowering pot plant)

          หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูกเลี้ยงในกระถางตั้งแต่เริ่มเพาะเมล็ดหรือย้ายต้นกล้า โดยการเปลี่ยนกระถางให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นลำดับให้เหมาะสมกับความสูงและการเจริญเติบโตของต้น เมื่อออกดอก จะนำไปใช้ประโยชน์ในการประดับทั้งต้นทั้งดอก พร้อมทั้งกระถาง ทำให้อายุการใช้งานทนนานกว่าไม้ตัดดอก เช่น บีโกเนีย แพนซี แอฟริกันไวโอเลต กล็อกซิเนีย อิมเพเชียน พิทูเนีย

          ไม้ดอกที่นำมาปลูกเป็นไม้กระถางจึงต้องมีทรงพุ่มต้นกะทัดรัด ไม่เกะกะเก้งก้าง หรือมีต้นสูงใหญ่ เกินกว่าที่จะนำมาปลูกเลี้ยงได้ในกระถางขนาดเล็กพอประมาณเพื่อความสะดวกในการขนย้าย ที่สำคัญคือควรจะออกดอกบานพร้อมเพรียงกันเกือบทั้งต้น เพื่อความสวยงามในการใช้ประดับ ปัจจุบันวิทยาการเจริญก้าวหน้าอย่างมาก มนุษย์สามารถปลูกเลี้ยงไม้ดอกหลายๆ ชนิดในกระถางขนาดเล็ก แม้จะมีขนาดต้นสูงใหญ่ โดยการใช้สารเคมีที่เรียกว่า สารชะลอการเจริญเติบโต ราดหรือพ่น เพื่อทำให้ไม้ดอกเหล่านั้น มีขนาดต้นเตี้ยลงตามความต้องการ ตลอดจนใช้เทคนิคบางประการในระหว่างการปลูกเลี้ยง เพื่อบังคับให้ไม้ดอกออกดอกพร้อมเพรียงกันทั้งต้นได้ โดยคงจำนวน ขนาด และสี ตลอดจนความสวยงามของดอก ให้ใกล้เคียงกับของเดิมทุกประการ

          3) ไม้ดอกประดับแปลง (Bedding plant)

          หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูกลงแปลง ณ บริเวณที่ต้องการปลูกตกแต่ง เพื่อประดับบ้านเรือน อาคารสถานที่ ตลอดจนสวนสาธารณะ โดยไม่ตัดดอกหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ประโยชน์ แต่ปล่อยให้ออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม ติดอยู่กับต้นภายในแปลงปลูก เพื่อประโยชน์ในการประดับ จนกว่าจะร่วงโรยไป

2.  การแบ่งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับตามลักษณะนิสัยของพันธุ์ไม้ เช่น การแบ่งตามถิ่นกำเนิด แบ่งตามอายุความเจริญเติบโตของพันธุ์ไม้ ตามลักษณะเนื้อไม้ ตามสิ่งแวดล้อม และตามลักษณะของลำต้น

3.  การแบ่งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับตามหลักพฤกษศาสตร์ มีความมุ่งหมายเพื่อจำแนกพันธุ์ไม้ทั่ว ๆ ไปให้แน่ชัดในรูปร่าง ลักษณะนิสัยการดำรงชีพ และการสืบพันธุ์ ของพันธุ์ไม้ให้อยู่เป็นกลุ่มที่แน่นอน ไม่

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ไม้ประดับหมายถึง

ไม้ประดับ หมายถึง พืชที่ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากรูปร่าง รูปทรง สีสันของลำต้นและใบที่มีความสวยงามแตกต่างกันไป นิยมปลูกประดับตกแต่งอาคารสถานที่ทั้งในพื้นดินและในกระถาง มีทั้งไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ไม้พุ่ม ไม้ล้มลุก และไม้เลื้อย

วิธีการปลูกไม้ประดับ

เมื่อเอ่ยถึงไม้ดอกไม้ประดับ ทางผู้เขียนเชื่อว่าทุกบ้านจะต้องปลูกไม้ประดับเหล่านี้ไว้ในบ้านหรือบริเวณบ้านเพื่อประตกแต่งบ้านให้ดูสวยงาม สดชื่น มีชีวิตชีวา   ซึ่งการนำพรรณไม้บางชนิดมาปลูกลงในกระถาง หรือภาชนะสวยงาม จุดประสงค์เพื่อใช้เป็นไม้ประดับ ตกแต่งอาคารสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัด และสามารถเคลื่อนย้ายไปประดับในสถานที่ต่างๆ ได้ง่าย สะดวกในการดูแลรักษา และโยกย้ายสับเปลี่ยนพรรณไม้ได้ตามความพอใจ ในปัจจุบันไม้ประดับเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
ดินและเครื่องปลูก  ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการปลูกพืชทุกชนิด เราจะต้องทำดิน ให้สมบูรณ์ หรือเรียกง่าย ๆว่า การทำดินให้มีชีวิต”  ดินเมื่อเปรียบเทียบกับอาหารของคนเรา  ดินจัดได้ว่าเป็นอาหารหมู่ที่ 1ก็คือโปรตีน คนเราถ้าขาดโปรตีน ก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถดึงสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ไปเลื้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ ทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร  แคระแกร่ง  ไม่เจริญเติบโต  ก็เช่นเดียวกันกับต้นไม้ ในธรรมชาตินั้น ต้นไม้เจริญเติบโตหรือขึ้นได้ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมของพรรณพืชแต่ละชนิด แต่การปลูกเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับเป็นการกำหนดให้ต้นไม้ต้องอยู่ในที่ที่จำกัดในภาชนะปลูก ดินหรือเครื่องปลูกจึงมีความจำเป็นต้องมีคุณสมบัติในการยึดลำต้น การอุ้มน้ำ การถ่ายเทอากาศ และง่ายในการที่รากจะไชชอนได้สะดวก การปลูกพืชในกระถาง รากพืชจะถูกจำกัดขอบเขตอยู่เฉพาะภายในกระถางเท่านั้น   ดังนั้นเพื่อให้พืชเจริญเติบโตตามความประสงค์ของผู้ปลูกเลี้ยง ดินหรือวัสดุปลูกควรมีความอุดมสมบูรณ์ มีคุณภาพดี ซึ่ง
คุณสมบัติโดยทั่วไปดังนี้
1.             ดินร่วนโปร่ง น้ำหนักเบา ระบายน้ำได้ดี ถ่ายเทอากาศได้ทั่วถึง ดูดซับน้ำได้ดี
2.             มีธาตุอาหาร หรือปุ๋ยที่พืชต้องการอย่างสมบูรณ์
3.             ไม่มีความเป็นกรด เป็นด่างมากเกินไป
4.             มีความแน่นพอที่จะยึดให้ลำต้นทรงตัวอยู่ได้
5.             ไม่มีสารเคมีที่เป็นพิษต่อรากพืช
เนื่องจากดินปลูกไม้ดอกไม้ประดับอยู่ในพื้นที่ที่จำกัด ดินปลูกจึงควรมีลักษณะร่วนโปร่ง อุ้มน้ำ หรือเก็บความชื้นได้ดี สามารถระบายน้ำ และถ่ายเทอากาศได้ดี ดินทั่วไปมีคุณสมบัติทางเคมี และทางกายภาพที่แตกต่างกันไป เพื่อให้เหมาะสมเป็นเครื่องปลูกไม้ดอกไม้ประดับจึงต้องมีการปรับปรุงคุณภาพโดยมีวัสดุอื่นๆ เป็นส่วนผสมดังนี้
1.             อินทรีวัตถุ ประกอบด้วย เศษซากใบไม้ผุ เปลือกไม้แห้ง แกลบ ขุยมะพร้าว กาบมะพร้าวสับ ฟางข้าว และเปลือกถั่ว เป็นต้น
2.             ปุ๋ยคอก ประกอบด้วย ขี้วัว ขี้ควาย ขี้หมู ขี้ไก่ และขี้ค้างคาว เป็นต้น
3.             ทราย อิฐป่น และถ่านป่น
วัสดุดังกล่าวเมื่อนำมาผสมกับดินธรรมชาติแล้ว จะมีคุณสมบัติร่วน โปร่ง มีน้ำหนักเบา อินทรีวัตถุ นอกจากจะช่วยปรับสภาพเนื้อดินให้ดีขึ้นแล้ว ยังพบว่ามีธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับ คือเป็นปุ๋ยโดยตรง  ส่วนเรื่องความเป็นกรด เป็นด่าง (pH) ที่เหมาะสมกับไม้ดอกประดับต่างๆ ดังนี้ ไม้ใบกระถางควรมีค่า pH ระหว่าง 5.5–7.5 ไม้ดอกกระถางควรมีค่า pH ระหว่าง                     5.5–6.0          ช่วงความเป็นกรด เป็นด่าง หรือ pH ของดินปลูกระหว่าง 5.5–6.0 ถือเป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับไม้กระถาง และไม้ดอกกระถางอายุยืน 
คุณสิทธพล  กลัดทิม  บ้านเลขที่ 92/3-5 ซอย สวนผัก 7   แขวงตลิ่งชัน  เขตตลิ่งชัน  กรุงเทพ มหานคร  10170         สมาชิกชมรมเลขที่ 10006473  เป็นหนุ่มเกษตรกร ที่มีอาชีพ ปลูกไม้ดอกไม้ประดับขายส่งตามร้านค้าที่ขายต้นไม้ริมถนนกาญจนภิเษก (ตลิ่งชัน – สุพรรณบุรี)  พี่สิทธิพลได้ศึกษาวิธีการปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ อย่างปลอดสารพิษมานานแล้ว  และก็รู้ด้วยว่าภูไมท์ หรือ ภูไมท์ซัลเฟต  มีประโยชน์กับต้นพืชมาก  ทั้งช่วยในเรื่องของการลดเพลี้ย หนอน ไร รา  เพราะภูไมท์จะปลดปล่อย ซิลิก้าที่ละลายน้ำได้  นำไปสร้างผนังเซลล์พืชทุกชนิด  ให้แข็งแรงยากต่อการเข้าทำลายของศัตรูพืช และยังทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่จะซื้อ สารกำจัดศัตรูพืชอีกด้วย  แต่ไม่รู้จะซื้อที่ไหน  จนมาได้พบชมรมเกษตรปลอดสารพิษ  พี่สิทธิพล จึงได้ซื้อ ได้ซื้อภูไมท์  ไปคลุกผสมกับดินก่อนปลูก  โดยมีอัตราส่วนดังนี้
1.ดินร่วน (ดินสีดา)            1  ส่วน
2.ดินใบก้ามปู                       1  ส่วน
3.กาบมะพร้าวสับ               1 ส่วน
4. แกลบ                                1 ส่วน
5. ภูไมท์                                1 ส่วน
คลุกให้เข้ากันแล้วนำไปปลูกกับไม้ดอก ไม้ประดับ  พี่สิทธิพล บอกว่าหลังจากที่ใช้ภูไมท์แล้วรู้สึกว่า ใบพืชเขียวดี  รากออกเยอะ หนอน เพลี้ย ไร รา  พวกแมลงปากดูดน้ำเลี้ยง ก็ไม่ค่อยมารบกวน  ผลตอบรับที่ได้น่าพอใจมาก พี่สิทธิพลได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของทางชมรมหลายตัว คราวหน้าผู้เขียนจะมาแนะนำวิธีการกำจัดเชื้อรา ในไม้ดอก ไม้ประดับ  ค่ะ
เขียนและรายงานโดย นางสาวเพชรรัตน์  มีมา (ตำแหน่งนักวิชาการ 089-444-2366)
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ  www.thaigreenagro.com
วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552   เสนอแนะติชม  thaigreenagro@gmail.com

การดูแลรักษาไม้ประดับ

1) การให้น้ำ การให้น้ำแก่ไม้ประดับมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต เพราะการให้น้ำมาก/น้อยเกินไป หรือให้น้ำไม่ถูกวิธีทำให้เกิดปัญหากับพืชได้ ดังนั้นการให้น้ำเวลาใดต้องคำนึงถึงความสะดวกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ เช่น ดินปลูก ความชื้นในดิน ฤดูกาล ชนิดพืช ความเข้มแสง อุณหภูมิ ฯลฯ การให้น้ำที่พอดีจะทำให้พืชมีอายุยืนยาว เจริญเติบโตเร็วและสวยงาม2) การให้ปุ๋ย การให้ปุ๋ยควรพิจารณาความอุดมสมบูรณ์ของวัสดุปลูกเป็นหลัก วัสดุปลูกที่มีความอุดมสมบูรณ์น้อยมีความจำเป็นที่จะต้องใส่ปุ๋ยเพิ่มให้เพียงพอต่อความต้องการของพืช ควรเน้นการให้พวกอินทรียวัตถุ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรืออาจให้ปุ๋ยเคมีบ้างเพื่อปรับสภาพในแต่ละช่วงแต่ละฤดูกาล เช่น ฤดูร้อนจะให้ปุ๋ยในโตรเจนสูง ฟอสฟอรัสต่ำ และโปรแตสเซียมสูงเล็กน้อย ฤดูฝนจะให้ปุ๋ยไนโตรเจนต่ำ ฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมสูง ส่วนฤดูหนาวก็จะให้ปุ๋ยไนโตรเจนสูงมากๆ เพื่อกระตุ้นให้พืชตอบสนองต่อการเจริญเติบโต3) การตัดแต่ง ไม้ประดับหลังจากปลูกไปนานๆ จำเป็นต้องมีการตัดแต่งกิ่งออกไปบ้างโดยใช้กรรไกรตัดแต่ง หรือมีดคมๆ เพื่อรักษาทรงพุ่มให้สวยงามยิ่งขึ้น บางครั้งอาจมีกิ่งหักเสียหาย กิ่งมีโรคและแมลงเข้าทำลายหรือกิ่งแห้งเหี่ยวก็ควรตัดออก นอกจากต้นไม้จะดูสวยงามขึ้นแล้วยังเป็นการรักษาสุขภาพของต้นไม้ให้ดีขึ้นด้วย4) การเปลี่ยนถ่ายกระถาง ไม้ประดับที่ปลูกลงกระถางเมื่อปลูกเลี้ยงจนโตเต็มที่ควรมีการเปลี่ยนกระถางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือเปลี่ยนดินใหม่ที่มีธาตุอาหารสมบูรณ์กว่าเดิมเพื่อไม่ให้พืชชะงักการเจริญเติบโต โดยการเปลี่ยนกระถางไม้ประดับมีขั้นตอน ดังนี้ 1) เลือกกระถางใหม่ตามขนาดที่ต้องการมาล้างทำความสะอาด 2) เตรียมวัสดุปลูกเพื่อใส่ในกระถาง 3) นำต้นพืชออกจากกระถางเก่าและแซะดินเก่าออกประมาณครึ่งหนึ่ง 4) นำต้นพืชลงปลูกในกระถางใหม่ที่ใส่วัสดุปลูกรองพื้นไว้ และเติมวัสดุปลูกลงไปให้เกือบถึงขอบกระถาง กดวัสดุปลูกให้แน่นแล้วรดน้ำให้ชุ่ม